รมว.เกษตร แจง “การปลูกดอกไม้อยู่นอกขอบเขตการเพาะปลูกเพื่ออุตสาหกรรม”

ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Cannareporter Maria do Céu Antunes รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของรัฐบาลโปรตุเกส ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าดอกไม้กัญชงเป็นสิ่งต้องห้ามในอุตสาหกรรม โดยต้องได้รับอนุญาตจาก Infarmed สำนักงานรัฐมนตรียังรับประกันว่าชาวไร่กัญชงทางอุตสาหกรรมได้รับการรับฟังก่อนที่จะมีการร่างกฎหมายใหม่ และพวกเขาจะได้รับการตอบสนองเสมอ แม้จะมีข้อร้องเรียนที่ Cannareporter เข้าถึงได้ผ่านอีเมลหรือหนังสือร้องเรียนของ DGAV - Direcção Geral de Agriculture และสัตวแพทย์.

กฎหมายใหม่เกี่ยวกับกัญชงอุตสาหกรรมในโปรตุเกสซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2022 ได้กำหนดกฎใหม่ ซึ่งจำกัดการผลิตในโปรตุเกสมากขึ้น กล่าวคือกำหนดพื้นที่เพาะปลูกขั้นต่ำ 0,5 เฮกตาร์ ห้ามโรงเรือนหรือความหนาแน่นที่กำหนดไว้ล่วงหน้าที่ 30 กิโลกรัมของเมล็ดพันธุ์ต่อเฮกตาร์ อย่างไรก็ตาม Maria do Céu Antunes เห็นว่ามาตรการเหล่านี้ “ไม่จำกัดการเข้าถึงของเกษตรกรรายย่อย กล่าวคือในบริบทของการทำฟาร์มแบบครอบครัว”

ในทางกลับกัน ระเบียบการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตร (DGAV และ IFAP) และกองกำลังตำรวจ (PJ, GNR และ PSP) ซึ่งควรได้รับการเผยแพร่ไม่เกิน 30 วันหลังจากการเผยแพร่ Dispatch n.º 10953/ 2020 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2020 กว่าหนึ่งปีต่อมาจะ "เผยแพร่ในเวอร์ชันสุดท้าย" แต่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

1 – Cannareporter ได้เรียนรู้ว่าตั้งแต่ปี 2018 เกษตรกรและผู้ผลิตกัญชงได้ขอให้คุณจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็น แต่บ่นว่าสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น นี่คือความจริง? เหตุใดจึงไม่มีความสนใจที่จะฟังเกษตรกรก่อนที่จะร่างกฎหมายใหม่ เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในภาคสนาม
เราได้แนะนำแนวทางของเราในการกำหนดนโยบายสาธารณะโดยส่งเสริมการติดต่อใกล้ชิดกับเกษตรกรและผู้ผลิต ไปที่สนามและเปิดประตูเพื่อรับพวกเขา เกษตรกรทุกคนที่ติดต่อบริการของเราได้รับคำตอบสำหรับคำถามของพวกเขาและการประชุมที่ร้องขอได้ถูกจัดขึ้น และในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้ จะมีการอธิบายเหตุผลของการเลื่อนออกไปเสมอ สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่นำมาสู่กฎหมายนั้นเป็นผลมาจากประสบการณ์ในปีแรกของการนำบรรทัดฐานไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเพาะปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรคและยา หรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตสาหกรรม แม้แต่การเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เป็นผลมาจากคำถามที่ถามเราจากเกษตรกรและมุ่งเป้าไปที่ความชัดเจนของกรอบกฎหมาย 

2 – อะไรคือเหตุผลหรือพื้นฐานทางกฎหมายสำหรับอนุวรรค a) ของข้อ 1 ของข้อ 3-A ซึ่งกล่าวว่ากัญชงสามารถปลูกได้เฉพาะ “กลางแจ้ง โดยการหว่าน ไม่อนุญาตให้ปลูกพืช และไม่มีขั้นตอนของการพัฒนา พืชสามารถเกิดขึ้นในเรือนกระจก ที่พักอาศัยหรือโครงสร้างที่คล้ายกัน”?
ข้อผูกมัดในการใช้เมล็ดพันธุ์ ไม่ใช่พืช ได้ถูกกำหนดไว้แล้วในบรรทัดฐานก่อนหน้านี้สำหรับการเพาะปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตสาหกรรม และถ้อยคำใหม่เพียงชี้แจงสถานการณ์นี้เท่านั้น เนื่องจากความเป็นไปได้ในการปลูกพืชทำให้การตรวจสอบย้อนกลับของเมล็ดพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมันทำได้ยาก . เกี่ยวกับประเด็นของการเพาะปลูกกลางแจ้ง ควรชี้แจงว่าเช่นเดียวกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ เช่นในสเปน การเพาะปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตสาหกรรมจะต้องดำเนินการกลางแจ้ง เนื่องจากด้วยวิธีนี้ ความเป็นไปได้ของการแทรกแซงจะลดลงในการพัฒนาพืชเทียม ซึ่งอาจเปลี่ยนองค์ประกอบทางเคมีได้ในที่สุด นอกเหนือจากการปฏิบัติตามหลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการปลูกกัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตสาหกรรม (สำหรับการผลิตเส้นใยหรือเมล็ดสำหรับการบริโภคของมนุษย์หรือสัตว์)

3 – อะไรคือเหตุผลหรือพื้นฐานทางกฎหมายสำหรับอนุวรรค b) ของข้อ 1 ของข้อ 3-A ซึ่งระบุว่าพื้นที่ขั้นต่ำต้องเป็น 0,5 เฮกตาร์ เนื่องจากพื้นที่ขั้นต่ำสำหรับการลงทะเบียนแปลงใน IFAP คือ 100 ตร.ม.
ขอบเขตของการใช้มาตรฐานคือการเพาะปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตสาหกรรม (สำหรับการผลิตเส้นใยหรือเมล็ดสำหรับการบริโภคของมนุษย์หรือสัตว์) และประสบการณ์ในปีแรกของการบังคับใช้แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ที่แสดงมีขนาดเล็กมาก ซึ่งนอกจากจะไม่สอดคล้องกับกิจกรรมการผลิตทางอุตสาหกรรมแล้ว ยังทำให้ไม่สามารถได้รับการผลิตใด ๆ ในกรณีที่มีการรวบรวมพืชเพื่อการควบคุมเชิงวิเคราะห์ ภายในขอบเขตของการตรวจสอบและควบคุม โปรดจำไว้ว่าการผลิตประเภทนี้ต้องการความถี่ในการสุ่มตัวอย่างสูง

4 – อะไรคือเหตุผลหรือพื้นฐานทางกฎหมายที่แสดงให้เห็นถึงเหตุผลของวรรค c) ของข้อ 1 ของข้อ 3-A ซึ่งระบุว่าความหนาแน่นของการหว่านจะต้องไม่ต่ำกว่า 30 กิโลกรัมต่อเฮกตาร์ โปรดทราบว่าซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่ขายเมล็ดพันธุ์ถุงละ 20 หรือ 25 กก.?
ความหนาแน่นขั้นต่ำของการหว่านถูกกำหนดตามวัตถุประสงค์ของการเพาะปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตสาหกรรม (สำหรับการผลิตเส้นใยหรือเมล็ดพันธุ์สำหรับการบริโภคของมนุษย์หรือสัตว์) นั่นคือ ควรได้รับปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการโดยขึ้นอยู่กับพื้นที่ และประสบการณ์ที่ได้รับก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรที่มีพื้นที่เพียงไม่กี่ตารางเมตรยังคงเสนอบรรจุภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ขนาด 25 กก. ทั้งที่สามารถซื้อในตลาดได้ในปริมาณที่น้อยกว่า แพ็คเกจ

5 – จุดที่ 2 ของข้อ 3-A ระบุว่า “ไม่อนุญาตให้มีการขนส่งนอกฟาร์มการกระทำทางเกษตรของยอดดอกที่มีหรือไม่มีเมล็ด”. ทำไมการตัดสินใจห้ามขายดอกกัญชง? ประเด็นนี้หมายความว่าดอกไม้และเมล็ดพืชสามารถดำเนินการได้ในฟาร์มเท่านั้นใช่หรือไม่ และถ้าแปรรูปเป็นเครื่องสำอางหรือน้ำมัน เป็นต้น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถทำการตลาดได้หรือไม่ตราบใดที่ไม่ใช่ดอกไม้
การผลิตดอกไม้อยู่นอกเหนือขอบเขตของการเพาะปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตสาหกรรม (สำหรับการผลิตเส้นใยหรือเมล็ดพืชสำหรับการบริโภคของมนุษย์หรือสัตว์) ดังนั้นการผลิตและการแปรรูปดอกไม้จึงต้องได้รับใบอนุญาตจาก INFARMED เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ และถ้าวัตถุประสงค์ของการผลิตคือเครื่องสำอางหรือน้ำมัน เป็นต้น คาดว่าเกษตรกรจะดำเนินการเก็บเกี่ยวตามลำดับ และเมล็ดพันธุ์ที่เก็บเกี่ยวอาจถูกแปรรูปนอกฟาร์ม

6 – เหตุใดจึงไม่สามารถใช้เมล็ดพันธุ์ที่เหลือจากหนึ่งปีถึงปีถัดไปได้ นี่ไม่ใช่แรงจูงใจที่จะเสีย? ถ้าชาวนาปลูกไม่ได้จะให้ปลายทางไหน
เราไม่ทราบพื้นฐานสำหรับคำถามที่ถูกโพสต์ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง การแก้ไขกฎระบุว่าบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ได้ใช้ในปีนั้นอาจได้รับการพิจารณาสำหรับปีถัดไป ตราบใดที่ยังคงปิดเดิม

7 – นาง รมว.เกษตรฯเพิ่งลงนามก โครงการจัดตั้งศูนย์ความสามารถเพื่อการเกษตรและเกษตรครอบครัว (CeCAFA)ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อ “ส่งเสริมการวิจัย การเผยแพร่ความรู้ การส่งเสริมนวัตกรรม และคุณสมบัติของผู้ผลิตที่มีคุณค่าในการทำฟาร์มครอบครัว” หากเราต้องการส่งเสริมการทำฟาร์มในครอบครัวและระบบนิเวศเกษตร และรู้ว่ากัญชงเป็นพืชที่มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูดินและความยั่งยืนโดยมีประโยชน์มากมาย เช่น คณะกรรมาธิการยุโรปทำไมคุณถึงเลือกที่จะห้ามหรือจำกัดการปลูกป่านอุตสาหกรรมในโปรตุเกส? นี่ควรเป็นพืชสำคัญในประเทศของเราหรือไม่ ที่เกษตรกรรายย่อยเข้าถึงได้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น
กฎระเบียบที่ใช้กับการเพาะปลูกกัญชงอุตสาหกรรมตั้งใจที่จะสร้างความแตกต่างในเชิงบวกในด้านการเพาะปลูกนี้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ซึ่งแปลโดยเปรียบเทียบแล้วเป็นกฎระเบียบที่ง่ายขึ้น รวมถึงค่าธรรมเนียมที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งไม่ได้จำกัดการเข้าถึงของเกษตรกรรายย่อย กล่าวคือในบริบทของการทำฟาร์มของครอบครัว

8 – สุดท้าย คำสั่งที่ 10953/2020 ของวันที่ 9 พฤศจิกายน 2020 กำหนดความสามารถในแง่ของการควบคุมการปลูกกัญชงเพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตสาหกรรม โดยระบุในข้อ 7 ว่า “DGAV, IFAP, PJ , GNR และ PSP ต้องสรุปโปรโตคอลที่ระบุจุดโฟกัสของแต่ละเอนทิตีภายในระยะเวลาสูงสุด 30 วันหลังจากประกาศคำสั่งนี้และรายละเอียดวิธีการประกบระหว่างกัน” พิธีสารนี้เคยสรุปหรือไม่? สามารถปรึกษาได้ที่ไหน?
โปรโตคอลนี้จะต้องลงนามโดยหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เผยแพร่แล้วและอยู่ในเวอร์ชันสุดท้ายแล้ว